องค์การตลาดร่วมยุโรป ( Common Market ) ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ( European Economic Community : E.E.C ) และสหภาพยุโรป ( European Union : E.U )
สหภาพยุโรปได้พัฒนามาจากแผนการชูมอง ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ประกอบด้วย เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบอร์ก อิตาลี เยอรมันตะวันตก และ ฝรั่งเศส ให้ชื่อว่า องค์กรชุมนุมถ่านหิน และ เหล็กกล้าของยุโรป ( The European Coal and Steel Community = ECSC ) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1950 ต่อมาในปี ค.ศ. 1957 ลงนามในสนธิสัญญากรุงโรม มีการรับสมาชิกเพิ่มอีก 6 ประเทศ คือ สหราชอาณาจักรไอร์แลนด์ เดนมาร์ก กรีซ สเปน และ โปรตุเกส รวม 12 ประเทศ ใน ค.ศ. 1991 ผู้นำประเทศยุโรป 12 ประเทศ ได้ร่วมชุมนุมที่เมือง มาสทริคซ์ ( Masstricht ) ประเทศเนเธอร์แลนด์มีข้อตกลงเกี่ยวกับรูปแบบของความร่วมมือด้านการเงิน การเมือง ต่อมาในปี ค.ศ. 1995 ได้พิจารณารับสมาชิกเพิ่ม 3 ประเทศ คือ ออสเตรีย สวีเดน และ ฟินแลนด์ รวมสมาชิกของสหภาพยุโรป 15 ประเทศ
เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1998 ผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 15 ประเทศ ได้จัดการประชุม ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม มีมติเห็นชอบ 3 ประเด็น ดังนี้
สมาชิก 11 ประเทศนำร่อง ประกอบด้วยสมาชิกสหภาพยุโรปทุกประเทศ ยกเว้นสหราชอาณาจักร เดนมาร์ก สวีเดน และ กรีซ จะเริ่มใช้เงินยูโรตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999
เพื่อบรรลุการมีเงินตราสกุลเดียวกันในปี ค.ศ. 1999 ประเทศสมาชิกจะต้องสามารถปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ซึ่งพิจารณาจากการขาดดุลงบประมาณไม่เกินร้อยละ 3 ของรายได้ประชาชาติมวลรวมภายในประเทศเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 1.5 ของอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของ 3 ประเทศ ที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำสุด หนี้สาธารณะต้องไม่เกินร้องละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
จากเงื่อนไขดังกล่าวทำให้กรีซไม่สามารถผ่านเกณฑ์ได้ส่วนอังกฤษ เดนมาร์ก และ สวีเดน ไม่ยอมเข้าในรอบแรก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีท่าทีต่อต้านและไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นการเสียอธิปไตยทางการเงิน ดังนี้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1999 ประเทศสมาชิก EU 11 ประเทศ จึงได้ประกาศใช้เงินตราสกุลเดียวกัน ซึ่งมีชื่อว่า เงินยูโร ( EURO ) เป็นตัวแทนชื่อเงินสกุลใหม่ของโลก ต่อมาวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2001 ประเทศกรีซได้ประกาศเข้าร่วมรวมเป็น 12 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2002 สมาชิก EU 12 ประเทศ เริ่มใช้เงินยูโรทั้งในรูปเงินเหรียญ และ ธนบัตร